ซักผ้าหน้าฝนเรื่องกลุ้มใจของสาวๆและแม่บ้านพ่อบ้านทั้งหลาย ช่วงนี้มีฝนฟ้าคะนองบ่อยนะครับ จำเป็นต้องตากผ้าตอนฝนตก หรือ ตากผ้าในห้องซึ่งเหล่าบรรดาแม่บ้านทั้งหลายก็คงจะต้องเจอปัญหากลิ่นอับชื้น เสื้อผ้าเหม็นอับ(Musty odor) ของเสื้อผ้าที่ตากค้างคืนกว่าจะแห้งเป็นแน่แท้ ซึ่งจัดว่าเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์กันมากๆเลยทีเดียว
จนอาจจะมีคนรอบข้างทักได้ว่า “แหม่ะ วันนี้แต่งตัวเปรี้ยวเชียวนะ” (หาใช่สไตล์ไม่ แต่หากเป็นกลิ่น ><)
ปกติกลิ่นอับชื้นพวกนี้มักจะเกิดจากกลิ่นของสารอินทรีย์ระเหยที่เกิดจากชีวสังเคราะห์ของจุลินทรีย์หรือ MVOCs (Microbial volatile organic compounds) นะครับ
ซึ่งปกติสารประกอบกลุ่มนี้นั้นมีองค์ประกอบที่มีมากถึง 200 กว่าชนิดทีเดียว มักจะเป็นสารประกอบ Aromatic ที่สามารถเตะจมูกได้ดีทีเดียว
แต่สารที่มีกลิ่นอับชื้นที่แรงและสำคัญที่สุดนั่นก็คือ สาร 2,4,6-tribromoanisole (TBA) สารตัวนี้สามารถส่งกลิ่นให้จมูกเรารับรู้ได้ด้วยเพียงแค่ความเข้มข้น 30 ส่วนใน 1,000,000,000,000,000 ส่วน (หนึ่งพันล้านล้าน) เลยทีเดียว
สารตัวนี้เกิดจากปฏิกิริยา Biomethylation ของ 2,4,6-tribromophenol (TBP) โดยเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเค้าว่ากันว่าเชื้อจุลินทรีย์จะสังเคราะห์สารตัวนี้เพื่อป้องกันตนเอง >< แหม่ะ! เล่นของเหม็นโฉ่รุนแรงเชียวนะ
ดังนั้นวิธีที่ป้องกันกลิ่นอับชื้นที่ดีที่สุด นั่นก็คือ การกำจัดที่ต้นเหตุอย่างเชื้อจุลินทรีย์นั่นเอง ซึ่งสิ่งที่ควรทำนั่นก็คือ
1.) ซักผ้าด้วยเครื่องให้สะอาด ต้องทำการฆ่าเชื้อโรคในเครื่องซักผ้าเราก่อน ซึ่งวิธีที่แอดจะแนะนำก็คือ ใช้ไฮเตอร์ขวดย่อมๆเทลงไปละลายน้ำครึ่งถังเครื่องซักผ้าหมดขวดนั่นแหละ แล้วตามด้วยน้ำส้มสายชูอีกหนึ่งขวดใหญ่ เพื่อให้เกิดแก๊สคลอรีนที่สามารถฆ่าเชื้อในเครื่องซักผ้าได้ชะงัดนัก แต่ว่าต้องรีบปิดฝาเครื่องซักผ้านะครับ มิฉะนั้นแก๊สคลอรีนจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองทั้งทางการหายใจและดวงตาเราได้แล้วก็กดปุ่มซักไปหนึ่งรอบเริ่มต้นหน้าฝนอันแสนชุ่มฉ่ำ
2.) อย่าใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้ามากจนเกินไป เพราะว่าในผงซักฟอกทั่วไปนั้น ยกเว้นเปา.เอ็ม วอชนั้นมีสารประกอบฟอสเฟตอยู่ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่เชื้อจุลินทรีย์ต่างๆใช้เป็นอาหารได้เป็นอย่างดี หากว่าล้างออกไม่หมด ก็จะทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นได้ง่ายหรือใช้ผงซักฟอกสูตรป้องกันกลิ่นอับที่มีสูตรสารพัดนาโนที่สามารถฆ่าเชื้อโรคก็ได้นะครับ
3.) ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือ ถ้าไม่ชอบความนุ่มเละของผ้า ก็สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดตตอลใส่ในน้ำสุดท้ายได้ โดยที่น้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นสามารถทำให้ผ้าสะท้อนน้ำได้มากขึ้น และน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดกลิ่นได้หรืออาจจะใช้ทั้งสองอย่างเลยก็ได้ เพื่อความสบายใจของผู้สวมใส่น่ะครับ
4.) ถ้าคุณพลาดแล้ว เสื้อคุณมีกลิ่นอับแล้ว ควรที่จะซักผ้าด้วยด่างที่แรงๆอย่างโซดาแอช (Soda ash) หรือถ้าเจ้าโซดาแอชหาซื้อยากจริงๆ ก็สามารถใช้เบคกิ้งโซดาใส่ลงไปตอนซักเพิ่มขึ้นด้วย แต่อาจจะให้ผลดีไม่เท่ากับการใช้โซดาแอชนะครับ เนื่องจากสาร TBP นั้นจะละลายได้ดีในสภาวะที่เป็นด่างค่อนข้างแรงได้ ทำให้มันละลายหลุดออกไปได้ง่าย หรือใช้ผงซักฟอกสำหรับเครื่องฝาหน้า เปาเอ็มวอชลิควิดก็ช่วยให้ผ้าหายเหม็นได้ยาวนาน
5.) แดด ลม และเครื่องอบ ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่ในการป้องกันทำให้ผ้าไร้กลิ่นอับ ถ้าเป็นไปได้ก็รีบตากให้แห้งซะก่อนที่จะผ้านั้นเกิดกลิ่นอับอ่ะครับ
ยังไงก็แล้วแต่หากขาด แดด ลม และเครื่องอบ ก็ควรที่จะต้องปฏิบิติตามกฏ 4 ข้อแรกอย่างรัดกุมนะครับ คราวนี้คุณก็จะไร้ความกังวลเกี่ยวกับกลิ่นอับของผ้าที่จะทำให้เพื่อนสนิทมิตรสหายคุณตราหน้าคุณได้ว่า #ไอ้นี่แต่งตัวเปรี้ยวเว้ย!!
เครดิต http://www.facebook.com/textile.phys.and.chem